วันศุกร์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2558

การเพาะเลี้ยงอึ่งเผ้าในบ่อซีเมนต์

การเพาะเลี้ยงอึ่งเผ้าในบ่อซีเมนต์
ช่วงนี้เริ่มเข้าสู่หน้าฝน มีสัตว์เศรษฐกิจอีกชนิดหนึ่งที่มาช่วงหน้าฝน และหากินได้แค่ฤดูฝนเท่านั้น นั้นก็คือ ..อึ่ง.. ซึ่งอึ่งชนิดหนึ่งที่เป็นที่นิยมนำมารับประทาน และใกล้จะสูญพันธุ์คือ อึ่งเผ้าหรืออึ่งปากขวด ราคานั้นไม่เบาเลย สูงถึงกิโลกรัมละ 200-250 บาท เลยทีเดียว...
อึ่งเผ้า มีลักษณะเฉพาะตัวคือ มีความยาวจากหัวจรดถึงก้นประมาณ 73 มิลลิเมตร ลำตัวอ้วนป้อม มีลักษณะเด่นคือ หน้าสั้นมาก ปากแคบและทู่ไม่มีฟัน ไม่เหมือนกับกบหรืออึ่งอ่างชนิดอื่น ๆ ตาเล็ก ขาสั้น แผ่นเยื่อแก้วหูเห็นไม่ชัด ลำตัวสีน้ำตาลดำหรือสีเทาดำ ใต้ท้องสีขาว บางตัวอาจมีจุดกระสีเหลืองกระจายอยู่ทั่ว เท้าทั้ง 4 ข้างมีพังผืดเกาะติดอยู่ ใช้สำหรับว่ายน้ำ และมีสันใต้ฝ่าเท้าหลังใช้สำหรับขุดดิน
อึ่งเผ้า พบในภูมิภาคอินโดจีน ในประเทศไทยจะพบเฉพาะพื้นที่ที่อยู่เหนือจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ขึ้นไป โดยมีพฤติกรรมอาศัยโดยขุดโพรงดินที่เป็นดินปนทรายและอาศัยอยู่ภายใน ในป่าที่มีความชุ่มชื้นใกล้กับพื้นที่ชุ่มน้ำ ในฤดูร้อนจะซ่อนตัวในโพรงแทบตลอด เมื่อฝนตกจะออกมาหากิน โดยหากินในเวลากลางคืน
อึ่งเผ้าจะผสมพันธุ์และวางไข่ในช่วงต้นฤดูฝน โดยจะทำการผสมพันธุ์วางไข่เร็วกว่าอึ่งอ่างหรือกบชนิดอื่น ลูกอ๊อดมีลำตัวป้อมและโปร่งแสง ลำตัวเป็นสีเหลือง มีส่วนบนและส่วนล่างเป็นสีดำ จะหากินอยู่ในระดับกลางน้ำ โดยจะว่ายทำมุมประมาณ 45 องศาเซล เซียส อยู่รวมกันเป็นฝูงใหญ่ ไปไหนมาไหนพร้อมกันเป็นฝูง
ปัจจุบันมีความเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์มาก เพราะการถูกจับมาบริโภคและสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยเปลี่ยนไป
การเพาะเลี้ยงอึ่งเผ้าในบ่อซีเมนต์
ลักษณะบ่อเพาะเลี้ยง
1. บ่อซีเมนต์ ขนาด 2X4X1 เมตร ผนังเรียบ
2.พื้นบ่อเป็นทรายละเอียดหนา 50 เซนติเมตร อีกฝั่งหนึ่งทำเป็นบ่อน้ำขอบบ่อเสมอกับพื้นดินทราย
3. หลังคาคลุมด้วยสแลนท์พลางแสง 80 เปอร์เซ็นต์
4. ขอบบ่อด้านบน วางแผนสังกะสีให้ด้านหนึ่งของสังกะสีเลยเข้ามาในบ่อประมาณ 15 นิ้ว กันอึ่งหนีออกบ่อ
5. ติดตั้งสปริงเกอร์ และ หลอดไฟฟ้า ในบ่อ 1 จุด
การคัดเลือกพ่อแม่พันธุ์อึ่ง
พ่อพันธุ์แม่พันธุ์อึ่งนั้น สามารถรวบรวมได้จากธรรมชาติ บริเวณป่าเต็งรัง ป่าโปร่ง ช่วงเดือนพฤษภาคม ถึงเดือนมิถุนายน (พบมากในช่วงฝนตกหนักครั้งแรกของฤดูฝน) เมื่อรวบรวมมาได้แล้วให้คัดเลือกพ่อแม่พันธุ์ดังนี้
เพศผู้
- ลำตัวมีสีดำเข้มข้างตัวมีลายดำจุดขาว
- ลำตัวเล็ก และ ยาวกว่าเพศเมีย
เพศเมีย
- ลำตัวสั้น และ ใหญ่กว่าตัวผู้
- ข้างตัวมีลายจุดขาวอมเหลือง ผนังท้องบางมองเห็นไข่
- ตัวเมียที่มีไข่เต็มท้องโดยหงายดูที่ท้องจะเห็นไข่ลักษณะสีดำ
วิธีการเพาะพันธุ์อึ่งเผ้า
ใช้อัตราส่วนเพศผู้ : เพศเมีย (1:1) จำนวน 1 – 2 คู่ ต่ออ่าง ใส่น้ำครึ่งอ่าง เมื่อเห็นไข่ลอยเต็มอ่างภายใน 11 – 12 เซนติเมตร ให้แยกพ่อแม่พันธุ์ออกจากอ่าง ( แม่พันธุ์ 1 ตัวให้ไข่ 8,000 – 10,000 ฟอง) ไข่จะฟักออกเป็นตัวภายใน 24 ชั่วโมง
การให้อาหารอึ่งเผ้า
ใน 3 วันแรกลูกอ๊อดไม่กินอาหาร เมื่อลูกอ๊อดอายุ 4 วัน เริ่มให้ไข่แดงต้มสุกบดให้ละเอียดวันละ 1 ครั้งในตอนเช้า ประมาณ 1/4 ฟองต่ออ่าง
เมื่อลูกอ๊อดอายุ 7 วัน เริ่มให้อาหารปลาดุกเล็กโปรตีน 32 เปอร์เซ็นต์ 100 กรัมต่ออ่าง ให้วันละ 1 ครั้ง จนลูกอ๊อดอายุประมาณ 45 วัน หางลูกอ๊อดเริ่มหลุด หลังจากลูกอ๊อดหางหลุด อึ่งจะพัฒนาเหมือนตัวเต็มวัย และจะออกจากอ่างลงบนพื้นทรายในบ่อประมาณ 3 วัน อึ่งจะฝังตัวในทรายบนพื้นบ่อ
กรณีให้อาหารเสริม เช่น ปลวก และแมลง ให้เปิดสปริงเกอร์วันละ 1 ครั้ง และเปิดไฟล่อแมลงในบ่อตอนกลางคืน
วิธีการจับอึ่งจากการเพาะเลี้ยง
- โดยการนำแผ่นสังกะสีวางบนหลังคาที่คลุมด้วยสแลนต์ แล้วจึงใช้น้ำฉีดที่แผ่นสังกะสี (เป็นการเลียนแบบฝนตก) อึ่งเผ้าที่ฝังตัวอยู่ในทรายจะออกมา
- ปล่อยให้น้ำท่วมพื้นบ่อ อึ่งจะขึ้นมาบริเวณผิวน้ำสามารถคัดขนาดได้ตามต้องการ
ข้อมูลและรูปภาพ
http://farmfriend.blogspot.com/2015/05/blog-post.html

ทำตู้พักไข่ด้วยงบ 100 บาท

ทำตู้พักไข่ด้วยงบ 100 บาท ความรู้จาก. คุณเศษเหล็ก. ทางเรียบนครสุดเข็ต

1.ถังเปล่า 1 ใบเจาะใส่หลอดไฟขนาด 13. วัต และเจาะรูเพื่อระบายอากาศ
2. ถ้วยเล็ก 1. ใบ ใส่น้ำเปล่าเพื่อป้องกันไม่ให้ ไข่แห้งติดเปลือก

3.กลับไข่เช้าและเย็น เปิดไฟไว้ตลอด 24. ชั่วโมง.

ใช้ได้จริง หมดปัญหาเรื่องแม่ไก่ไม่ยอมฟักไขฯลฯ

ชีววิถี..เลี้ยงกุ้งก้ามแดง ทางเลือก..ต้นทุนสุดต่ำ

ยิ่งรก...ยิ่งรอด
เป็นคำจำกัดความสั้นๆง่ายๆของ นายประทีป มายิ้ม วิทยากรศูนย์การเรียนรู้ชีววิถีเพื่อการเรียนรู้อย่างยั่งยืน บ้านห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ที่กล่าวถึงวิธีการเลี้ยง “กุ้งก้ามแดง” หรือ “ล็อบสเตอร์น้ำจืด”
“ก่อนหน้านี้ไม่เคยคิดที่จะเลี้ยงกุ้งพันธุ์นี้เลย แต่เพราะ 4 ปีก่อน ลูกสาวไปซื้อลูกกุ้งมา 4 ตัว ตัวละ 30 บาท ไม่รู้ว่ามันคือกุ้งอะไร คิดว่าเป็นกุ้งสวยงาม เลยเอามาปล่อยในอ่างเลี้ยงปลาหางนกยูง เลี้ยงแบบตามมีตามเกิด ไม่ได้ให้อาหารอะไรเลย แต่สังเกตเห็นสาหร่ายหางกระรอกในอ่างเลี้ยงปลาค่อยๆ ลดลง แสดงว่ามันกินเป็นอาหารได้”

ลูกกุ้ง


3 เดือนผ่านไป กุ้งเริ่มโตเท่าหัวแม่มือ จึงย้ายลงบ่อปูนที่มีขนาดใหญ่ขึ้นมาหน่อย...เลี้ยงไปอีกไม่กี่เดือน คราวนี้กุ้งออกลูกลอยเป็นแพเต็มบ่อ เมื่อให้มันกินสาหร่ายเป็นอาหารได้ ประทีป เลยทดลองเอาแหนมาใส่เป็นอาหาร กุ้งตัวเล็กตัวน้อยก็เติบโตได้ ใครที่มาดูงานศูนย์การเรียนรู้ฯ เห็นแล้วชอบใจ ขอซื้อลูกกุ้งไปเลี้ยง...จากจุดนี้ ขายแค่ลูกกุ้งรายได้ไม่เลว ปีหนึ่งให้ลูก 3-4 ครั้ง

แหนอาหารเลี้ยงกุ้งก้ามแดง


จากเริ่มต้นด้วยลูกกุ้งแค่ 4 ตัว เลี้ยงเล่นๆ สนุกแค่ปีเดียว ลูกกุ้งมีมากมาย เลยแบ่งส่วนหนึ่ง 500 ตัวลงแปลงนาสาธิตของศูนย์เรียนรู้ฯ พื้นที่ขนาด กว้าง 3 เมตร ยาว 5 เมตร ขังน้ำลึกประมาณ 1 ฝ่ามือ ปลูกข้าวเต็มรกไปหมด กั้นตาข่ายโดยรอบ เพื่อป้องกันนก หนู สัตว์แปลกปลอมเล็ดลอดเข้าไปจับกุ้ง

มุ้งตาข่ายป้องกันสัตว์อื่นๆให้กุ้ง


“เอาลูกกุ้งมาปล่อยในนาสาธิต ปล่อยไปอย่างนั้นไม่ได้คิดอะไร แค่อยากทดลองอะไรเล่นสนุกๆ ถึงได้รู้กุ้งพันธุ์นี้จะอยู่รอดได้มากแค่ไหน ขึ้นอยู่กับว่าเราทำที่หลบซ่อนให้มันได้ดีแค่ไหน เพราะศัตรูของมันไม่ได้มีแค่พวกสัตว์อื่นๆ ที่เราต้องมุ้งตาข่ายป้องกันเท่านั้น มันยังกินกันเองอีกด้วย โดยเฉพาะในช่วงที่มีการลอกคราบ กุ้งตัวไหนลอกคราบ ไม่มีที่ให้หลบซ่อนมักจะเจอตัวอื่นมารุมจับกินเป็นอาหาร”
ด้วยเหตุนี้ ประทีป ถึงได้สรุปวิธีการเลี้ยงกุ้งก้ามแดง “ยิ่งรก ยิ่งรอด” นอกจากจะรกด้วยการปลูกข้าวและต้นไม้น้ำสารพัดชนิดแล้ว ยังเอาท่อประปา (ท่อพีวีซี) ตัดเป็นท่อนยาวประมาณ 1 คืบ มาทำเป็นที่หลบซ่อนให้กุ้งด้วย...ส่วนเรื่องอาหารเลี้ยง ไม่เคยควักเงินซื้อ ใช้แต่แหนอย่างเดียว

นายประทีป มายิ้ม


เลี้ยงปล่อยไว้อย่างนั้น คอยเติมแหนกับดูแลเติมน้ำไม่ให้แห้ง...1 ปีครึ่งผ่านไป ได้กุ้งขนาด 2 ตัว 1 กก. เชฟโรงแรมแชงกรี-ลาที่พัทยารู้ข่าว เลยมาติดต่อขอซื้อ ให้ราคา กก.ละ 1,200 บาท เอา 200 กก.คูณเข้าไป รวมเป็นเงิน 2 แสนกว่าบาท... มาปีนี้พัฒนาไปอีกขั้นหนึ่ง ทำ
สัญญาจองซื้อขายล่วงหน้าเป็นปีไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ค่าอาหารไม่มี แค่ซื้อลูกกุ้งไม่กี่ตัวมาเพาะเอง เป็นอีกทางเลือกของการเลี้ยงกุ้งก้ามแดงที่เสี่ยงน้อย ต้นทุนต่ำ...อยากจะรู้ลึกมากกว่านี้ 21 มิ.ย.นี้ สมาคมสื่อมวลชนเกษตรแห่งประเทศไทย จัดสัมมนา “กุ้งก้ามแดง...สัตว์เศรษฐกิจตัวใหม่” ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน สอบถามรายละเอียดได้ที่ 0-2940-5425, 08-6340-1713.
ชาติชาย ศิริพัฒน์

วันพุธที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

เนื้อทอดน้ำปลากรอบนอกนุ่มใน

เมนูทอดทำกินเอง ไม่ว่าจะเป็น ไก่ทอด หมูทอด ปลาทอด ก็เริ่มเบื่อละ อยากเปลี่ยนเมนูกันแล้ว 
             วันนี้ ไข่เจียว.com จึงขอนำเสนอเมนูทอดแปลกใหม่บ้าง ซึ่งเป็นสูตรจากคุณ swin สมาชิกเวปไซต์พันทิปดอทคอม  ด้วยสูตร "เนื้อทอดน้ำปลา"ให้คุณอร่อยไปกับเนื้อทอดกรอบนอกนุ่มใน รสชาติกลมกล่อม อร่อยโดนใจคนชอบทานเนื้อไปเลยค่ะ ถ้าพร้อมแล้ว อย่ามัวช้า  เราไปดูวิธีทำพร้อมๆกันเลยค่ะ
  ส่วนผสม
           เนื้อวัว 500 กรัม
           น้ำปลาอย่างดี 3 ช้อนโต๊ะ
           พริกไทย
           น้ำมันสำหรับทอด
  วิธีทำ      
เนื้อทอดน้ำปลา2
หั่นเนื้อวัวเป็นชิ้นยาว ๆ (สูตรนี้ใช้เนื้อวัวที่หั่นไว้แล้วสำหรับนำไปทำหมูแดดเดียว) 
           หมักเนื้อวัวกับน้ำปลาและพริกไทย เคล้าผสมให้เข้ากัน (ระวังอย่าใส่น้ำปลาเยอะไม่อย่างนั้นรสชาติจะออกมาเค็มมาก แนะนำให้ลองชิมน้ำปลาก่อน เพราะน้ำปลาแต่ละยี่ห้อความเค็มแตกต่างกัน)
เนื้อทอดน้ำปลา3
           หมักเนื้อทิ้งไว้ในตู้เย็นประมาณ 2 ชั่วโมง (เนื้อเริ่มจะแห้งเพราะในตู้เย็นมีความชื้นต่ำ ถ้าเอาไปตากแดดก็จะได้เป็นเนื้อแดดเดียว)
เนื้อทอดน้ำปลา4
           ใส่น้ำมันลงในกระทะให้เยอะพอสมควร นำขึ้นตั้งไฟแรง พอน้ำมันร้อนใส่เนื้อที่หมักไว้ลงไปทอดทีละครึ่งหนึ่ง
เนื้อทอดน้ำปลา1
ทอดประมาณ 9 นาที 
 
เนื้อทอดน้ำปลา6
ตักขึ้นสะเด็ดน้ำมัน ใส่จาน พร้อมเสิร์ฟ

          เป็นอาหารที่ทำแสนง่ายน่ากินไปอีกกับเมนู"เนื้อทอดน้ำปลา"เนื้อทอดกรอบนอกนุ่มใน ทานกับน้ำเหนียวร้อนๆ หรือกับข้าวสวยสักจาน อืมมม..อร่อยอย่าบอกใครเลยค่ะ 

เรียบเรียงโดย : Kaijeaw.com, ไข่เจียว.com

วันอาทิตย์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2558

วันศุกร์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2558

เทคนิคเพาะเห็ดตับเต่าด้วยวิธีง่าย ๆ

เทคนิคเพาะเห็ดตับเต่าด้วยวิธีง่าย ๆ

การเพาะเห็ดตับเต่าด้วยวิธีง่ายๆ

เห็ดตับเต่า

เห็ดตับเต่า เห็ดผึ้ง หรือเห็ดห้า เป็นเชื้อรากลุ่มเอ็คโตมัยโคไรซ่า เป็นเห็ดที่อาศัยอยู่กับรากพืช คือเห็ดจำพวกนี้จะเกิดขึ้นได้ก็ต้องมีพืชเป็นที่อาศัยครับ เส้นใยของเห็ดตับเต่าจะเจริญดีมากจากรากอ่อน จนถึงปลายราก แต่เราจะใส่เชื้อที่โคนรากของต้นไม้อาศัย ในช่วงแรกเชื้อเห็ดตับเต่าจะอาศัยอยู่ที่โคนราก แล้วค่อยๆ ลามไปจนทั่วปลายราก อย่างที่เคยอธิบายไว้ในบทความก่อนๆครับ เห็ดตับเต่าจะออกดอกเห็ด ให้เราได้รับประทานเฉพาะในช่วงหน้าฝน (ยกเว้นเพาะนอกฤดู) และเห็ดประเภทนี้จะเกิดขึ้นได้ก็ต้องมีพืชอาศัย พืชอาศัยของเห็ดตับเต่าก็มี ลำไย ลิ้นจี่ หว้า มะกอกน้ำ แคบ้าน  กระถิน ส้มโอ  โสน  มะม่วง มะกอกบ้าน มะกอกน้ำ เป็นต้น ส่วนวิธีการเพาะเห็ดตับเต่า หลักๆก็มีด้วยกันเพียง 4 วิธีดังนี้ครับ
เทคนิคเพาะเห็ดตับเต่า (ภาพจาก: www.chiangraifocus.com)
เทคนิคเพาะเห็ดตับเต่าด้วยวิธีง่าย ๆ
1. ขยายพันธุ์ด้วยสปอร์ คือรอให้สปอร์เห็ดพัดมากับ ลม น้ำ หรือสัตว์ที่กินเห็ดมาถ่ายใส่ไว้ให้
2. นำดอกเห็ดแก่ (ดอกเห็ดแก่จะมีสปอร์อยู่มาก) ไปปั่นละลายกับน้ำ ราดไว้ที่โคนต้นไม้อาศัย
3. นำหัวเชื้อขยาย (ก้อนเชื้อที่ทำไว้แล้ว) มาผสมกับน้ำราดไว้ที่โคนต้นไม้อาศัย..ผมสั่งซื้อจาก ศูนย์วิจัยพืชสวนเชียงรายครับ เขาส่งถึงบ้าน ก้อนละ 40 บาท (ไม่รวมค่าส่ง)
4. ขูดเอาผิวดินที่เคยมีเห็ดขึ้น ดินที่เห็ดเก่าปล่อยสปอร์ทิ้งไว้ เอาดินนี้มาใส่ตรงโคนต้นไม้อาศัยของเห็ดตับเต่า
หลักของการเพาะเห็ดตับเต่าก็มีเพียงเท่านี้ครับ ให้เพื่อนๆ เลือกทำตามวิธีใดวิธีหนึ่งข้างต้น แล้วแต่ความสะดวก เพียงเท่านี้ก็จะมีเห็ดตับเต่าไว้รับประทานไปชั่วลูกชั่วหลานเลยทีเดียว

ศูนย์วิจัยพืชสวนเชียงราย
ต.รอบเวียง อ.เมือง จ.เชียงราย 57000 โทรศัพท์ 053 – 170100

วันจันทร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2558

โกยเงินปีละล้าน หนุ่มสถาปนิก ผันตัวเป็นเกษตรกรปลูกไผ่กิมซุ่ง


หนุ่มสถาปนิก เคยใช้ชีวิตในผ้าเหลืองนาน 5 ปี ผันตัวเองเป็นเกษตรกรปลูกไผ่กิมซุ่ง ขายทั้งกิ่ง และหน่อ สร้างรายได้ปีละล้าน เผยเพิ่งปลูกปีแรก พร้อมเปิดเป็นแหล่งเรียนรู้ ให้ประชาชนเข้ามาศึกษาฟรี...
เมื่อวันที่ 21 มิ.ย. นายเอกชัย ธนผลผดุงกุล นายอำเภอพรรณานิคม จ.สกลนคร ได้ลงพื้นที่ไร่ปลูกไผ่ ที่ไร่สวนไผ่กิมซุ่ง หรือ ไร่สีวลีพืชผล เลขที่ 99 ม.15 ต.ไร่ อ.พรรณานิคม ของนายเดโช สู่โนนทอง อายุ 44 ปี หนุ่มสถาปนิกผู้ผันตัวเองไปสู่อาชีพเกษตรกรเต็มตัว โดยการปลูกไผ่กิมซุ่งจำนวน 1,000 หลุม จำหน่ายสร้างรายได้
นายเดโช บอกว่า ในอดีตเคยอยู่บริษัทญี่ปุ่น สร้างคอนโด สร้างบ้านขาย จนเก็บเงินได้จำนวนหนึ่ง ประมาณ 2-3 ล้าน คิดอยากใช้ชีวิตในชนบท จึงชวนภรรยาลาออกจากงาน แล้วกลับมาอยู่ที่บ้านภรรยาที่สกลนคร ต่อมาเปิดกิจการร้านจำหน่ายเครื่องมือทางการเกษตรทุกชนิด รวมทั้งปุ๋ย มีลูกค้ามาติดต่อซื้อจำนวนมาก แต่ส่วนใหญ่จะเป็นเงินเชื่อมากกว่า และเก็บเงินไม่ได้จึงปิดกิจการ แต่ไม่เคยคิดฟ้องร้องเพราะราคาพืชผลไม่ดี สภาพอากาศก็แห้งแล้ง ชาวนาชาวสวนก็พลอยย่ำแย่ไปด้วย จึงรู้สึกเห็นใจ
จากนั้นได้ออกบวชอยู่ในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ ปลีกวิเวกตามป่า ถ้ำและภูเขา รู้สึกเข้าถึงธรรมะ ส่วนภรรยาไปทำงานที่กรุงเทพ เช่นเดิม โดยตนได้ใช้ชีวิตอยู่ในผ้าเหลืองเป็นเวลา 5 ปี จนได้รับแจ้งว่าที่บ้านถูกโจรกรรมทรัพย์สินไปหมด ไม่เหลือแม้กระทั่งชุดเครื่องเรือน เฟอร์นิเจอร์ ถ้วยชาม พระเครื่องกว่า 500 องค์ จึงสึกออกมาและไม่ได้ติดใจอะไร มองว่าของที่เขาขโมยไปอาจจะเป็นของเขา คิดได้อย่างนี้ก็สบายใจขึ้น และชวนภรรยากลับมาปฏิบัติธรรมอยู่บ้าน จึงคิดได้ว่า จะต้องทำอะไรสักอย่างที่สวนกระแสและไม่ตามใคร จึงเป็นที่มาของการปลูกไผ่กิมซุ่ง ในพื้นที่ 11 ไร่ เพราะปลูกง่าย โตเร็ว ปลูกแล้วขายได้ทั้งกิ่งและหน่อ โดยกิ่งขายกิ่งละ 50 บาท หน่อกิโลกรัมละ 35-40 บาท ซึ่งเป็นรายได้ที่ดีมาก ตนปลูกมา 1 ปี ขายกิ่งและหน่อ ปีละ 1 ล้าน เฉลี่ยกอละ 2 พันบาท/ต่อปี
สำหรับวิธีปลูก เตรียมดินห่างระหว่างต้น 3x3 เมตร เตรียมหลุม 50x50x50 จากนั้นใช้ปุ๋ยคอกรองพื้น นำไผ่ลงปลูกโดยเฉียงกับพื้นดิน 60 องศา และหมั่นดูแลเรื่องหญ้าที่จะขึ้นปกคลุม หมั่นใส่ปุ๋ยคอก ต่อระบบน้ำอย่าให้ขาด ใช้เวลา 7-9 เดือน ก็สามารถเก็บผลผลิตได้ เชื่อว่าหากกิ่งและหน่อออกอย่างสม่ำเสมอ สามารถทำรายได้ให้ถึง 2 พันบาทต่อหลุม/ต่อปี ซึ่งอยากให้เกษตรกรหันมาปลูกไผ่กิมซุ่ง เพราะเลี้ยงง่ายไม่ขี้โรค
“ท่านจะมีรายได้เพิ่มทันตา และพร้อมที่จะเปิดเป็นศูนย์เรียนรู้ให้เกษตรกรเข้ามาศึกษา ในอนาคต สถานที่แห่งนี้จะเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมของผู้สูงอายุ ควบคู่ไปกับศูนย์เรียนรู้ อีกด้วย” นายเดโช กล่าว
ขณะที่นายอำเภอพรรณานิคม ได้กล่าวชื่นชมนายเดโช ที่กล้าทำการเกษตรโดยไม่ตามใคร ไม่ใช้สารเคมี พร้อมเชิญชวนเกษตรกรหันมาปลูกไผ่กิมซุ่ง เพื่อสร้างรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืนต่อไป.

วันเสาร์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2558

วิธีขยายพันธุ์มะนาวด้วยใบ ขยายได้จำนวนมาก ทำเองได้ต้นทุนต่ำ

วิธีขยายพันธุ์มะนาวด้วยใบ ขยายได้จำนวนมาก ทำเองได้ต้นทุนต่ำ
มะนาว เป็นพืชเศรษฐกิจอีกอย่างที่น่าสนใจ เพราะปัจจุบันมีความต้องการสูงอีกทั้งราคาก็ดี ใครสนใจอยากจะปลูกมะนาวขายหรือลองปลูกไว้กินเอง บางกอกทูเดย์เรามีวิธีการ การขยายพันธุ์มะนาวด้วยใบ ตามแบบฉบับของ ครูติ่ง  มาให้ลองได้ศึกษาและลองทำดู ซึ่งสามารถขยายพันธุ์มะนาวได้ทีละมากๆด้วย
วิธีการขยายพันธุ์มะนาวด้วยใบ โดย ครูติ่ง มีขั้นตอนการทำดังนี้
1. นำกาบมะพร้าวตัดเป็นท่อนยาวราว 2.5-3 ซม. นำไปแช่น้ำไว้จนชุ่ม เอาค้อนทุบจนกาบมะพร้าวแตกนุ่มขึ้น เพื่อง่ายต่อการห่อให้กลม
2. เมื่อได้กาบมะพร้าวที่นุ่มแล้ว นำมาห่อม้วนเป็นทรงกลม รัดหนังยางหัวท้าย แล้วนำตะปูทิ่มลงไปบริเวณด้านบนของกาบมะพร้าวให้เป็นรู เพื่อลดการเสียดสีเวลานำใบเสียบลงไป
3. ตัดใบให้มีก้านด้านบนใบเล็กน้อย ส่วนด้านล่างก้านใบให้ยาวเกือบถึงชั้นที่อยู่ด้านล่างถัดไป หรือยาวประมาณ 1-1.5 ซม.
4. ตัดใบออกครึ่งหนึ่ง เพื่อลดการคายน้ำ
5. เปิดกรีดเปลือกหุ้มก้านด้านของใบ หรือเปิดแผลตามความยาวของก้าน เพื่อเพิ่มพื้นที่ในการออกราก 1-3 หน้า หากไม่ทำเช่นนี้รากจะออกเฉพาะที่ปลายลอยตัดเท่านั้น ถือว่าน้อย ทำให้ต้นมะนาวที่นำไปปลูกไม่แข็งแรง ถ้ากรีดพื้นที่ตรงนี้จะเพิ่มพื้นที่ในการออกรากมากขึ้นนั่นเอง
6. นำกิ่งที่เปิดหน้าแล้ว ไปจุ่มในน้ำยาเร่งราก แล้วเอาไปผึ่งลมให้แห้ง ถ้าไม่แห้งเมื่อนำไปเสียบในกาบมะพร้าวอาจเน่าได้
7. เมื่อแห้งแล้ว เอาไปเสียบในกาบมะพร้าวที่เตรียมไว้จนมิดด้าม พอเสียบได้ 4 ก้อน หรือ 4 กิ่งมามัดรวมกัน เพื่อให้ตั้งได้
การขยายพันธุ์มะนาวด้วยใบ-2
8. นำก้อนกาบมะพร้าวที่เสียบกิ่งแล้ว ไปจุ่มน้ำให้ชุ่มแล้วใส่ไว้ในถุงร้อน มัดหนังยางในลักษณะให้ถุงร้อนพองโป่งออก ให้ใบไม่กระทบถุง

หรือถ้าหากมี ห้องพ่นหมอกจะดีมาก ให้เอาพันธุ์มะนาวที่ทำเสร็จเรียบร้อยแล้วเข้าในห้องพ่นหมอกจะช่วยให้รากแตกเร็ว และที่สำคัญเพิ่มอัตราการรอดได้มาก
ขยายพันธุ์มะนาวด้วยใบ
9. เมื่อได้ถุงที่มีก้อนกาบมะพร้าวเสียบใบมะนาวอยู่ด้านในเรียบร้อยแล้ว ให้เอาไปตั้งไว้ใต้ต้นไม้ที่มีร่มเงา ให้โดนแสงบ้างเล็กน้อย ประมาณ 1 เดือน มะนาวจะเริ่มออกรากหรือเริ่มติดตายอด ส่วนถ้าเป็นมะกรูดจะใช้เวลานานประมาณ 3-4 เดือน จึงจะเริ่มออกรากและติดตายอด ซึ่งถ้าจะให้สมบูรณ์ควรรอทั้งรากและตาออกมาทั้งคู่ จึงเริ่มนำไปลงถุงชำต่อไปได้
การขยายพันธุ์มะนาวด้วยใบ-3
คลิปการขยายพันธุ์มะนาวด้วยใบ 
การขยายพุนธุ์มะนาวด้วยใบ มีข้อดีคือแม้ว่าเรามีพันธุ์มะนาวที่ดีเพียงแค่ต้นเดียวก็สามารถขยายพันธุ์มะนาวได้เป็นจำนวนมากๆ เป็นร้อยเป็นพันต้นก็ได้ หากใครสนใจปลูกมะนาวก็ลองทำตามวิธีของครูติ่งได้ เพราะครูติ่งได้บอกไว้แล้วว่าโอกาสรอดของการปลูกแบบวิธีนี้ก็สูงด้วย
ขอบคุณ คมชัดลึก,บันทึกลุยทุ่งกับ ธกส.

วันเสาร์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

วิธีการเพาะเห็นถอบ ( เห็ดเผาะ ) ง่ายๆ


เห็ดเผาะ หรือ เห็ดถอบ เป็นเห็ดที่เกิดในต้นฤดูฝนไม่มีรากเป็นก้อนกลมๆมีสปอร์อยู่ข้างในมีเปลือกแข็งหุ้มสปอร์ไว้นิยมนำมาทำอาหารในช่วงที่อ่อนๆ ปัจจุบันการเพาะเชื้อยังทำไม่ได้แต่มีวิธีการปลูกแบบอาศัยธรรมชาติ ทำได้ปีละครั้ง

อุปกรณ์ในการปลูกเห็ดเผาะ

1.เห็ดเผาะที่แก่จนแห้งแตก
2.ต้นกล้าไม้ที่นิยมคือ ยางนา มะค่า เต็งรัง
3.ถังเล็กๆ


วิธีการปลูกเห็ดเผาะ

1.นำเห็ดเผาะที่แก่จัดมาแกะเอาสปอร์ข้างใน
2.นำสปอร์ไปผสมกับน้ำให้เข้ากันในอัตราส่วนที่เหมาะสม
3.นำไปรดต้นกล้าทุกสัปดาห์ สัปดาห์ละครั้ง
4.สังเกตุดูต้นกล้าถ้าเริ่มมีเนื้อเยื่อเห็ดเผาะเจริญเติบโตแล้วให้นำไปปลูกได้
5.ปีถัดไปก็จะมีเห็ดเผาะเกิดตามรากไม้ต้นนั้นอย่าพึ่งเก็บเพราะต้นไม้ยังไม่แข็งแรงพอ
6.เมื่อต้นไม้โตพอประมาณให้เริ่มทำการเก็บเห็ดเผาะได้ เห็ดเผาะจะเกิดมาให้เราเก็บที่ต้นไม้ต้นนี้ทุกปี


ต้นมะค่า เป็นพันธุ์ไม้โตเร็ว เหมาะมากสำหรับนำมาปลูกเห็ดเผาะ หรือ เห็ดถอบ

( ที่มา : baanna.net )

วันพุธที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ตะไคร้สร้างเงินล้าน



ตะไคร้ พืชผักสวนครัวและสมุนไพร ที่มีประโยชน์หลายอย่าง ปัจจุบันความต้องการตะไคร้ของตลาดมากขึ้น เพราะจากการขยายตัวของสังคมเมือง พื้นที่เพาะปลูกน้อยลง คนมากขึ้น รวมถึงความต้องการเชิงพาณิชย์ขยายตัวตามร้านอาหารต่างๆ รวมถึงอุตสาหกรรมเพื่อสุขภาพด้วย BangkokToday.net เลยนำแนวคิดวิธีปลูก-ขาย ให้ได้ราคาสูง มาให้ลองศึกษา

ตลาดและราคา ตะไคร้

ก่อนที่จะทำการปลูกตะไคร้เพื่อขาย ต้องทราบการทำการตลาดหรือพูดง่ายๆเลย จะขายตะไคร้ ยังไง ที่ไหน ช่วงเวลาไหนตะไคร้ราคาดี ซึ่งบางกอกทูเดย์เราก็ได้ข้อมูลมาว่า ปกติแล้ว ราคาตะไคร้ ถ้าขายส่งในช่วงฤดูกาลปกติราคาขายประมาณ 8-10 บาท ต่อกิโลกรัม ขึ้นลงตามปริมาณและความต้องการของตะไคร้ แต่ถ้าเป็นช่วงหน้าแล้ง เดือนเมษายน ราคาก็จะสูงขึ้น ถึง 20 บาทต่อกิโลกรัม เลยทีเดียว ช่องทางการขายตะไคร้ เช่น ขายส่งให้พ่อค้าคนกลาง ขายปลีก ส่ง เองที่ตลาด ขายส่งโรงงานอุตสาหกรรม ร้านอาหารต่างๆ ห้างสรรพสินค้า และอื่นๆ

การสร้างมูลค่าให้กับผลผลิตตะไคร้

ตะไคร้ปลอดสารด้วยขั้นตอนการปลูก จากปกติอาจจะใช้ปุ๋ยเคมีมาช่วยในเรื่องการเพิ่มผลผลิต ถ้าสามารถปลูกโดยใช้ปุ๋ยอินทรีย์ รวมถึงขั้นตอนการดูแลต่างๆ ตลอดจนพื้นที่การเพาะปลูกนั้น ถ้าทำให้ให้ปลอดการใช้เคมีต่างๆได้ พร้อมกับการนำเสนอต่อลูกค้า ทั้งลูกค้าที่รับมาขายต่อ หรือขายตะไคร้ปลีกเอง ก็จะสามารถทำราคาได้ดี เพราะแนวโน้วอาหารปลอดสาร อาหารเพื่อสุขภาพมีความต้องการสูงขึ้นเรื่อยๆ

เพิ่มมูลค่าตะไคร้ ด้วยแพ็คเกจจิ้ง


นอกจากจะมีการเพิ่มมูลค่าของตะไคร้ด้วยการปลูกโดยปลอดสารแล้ว กระบวนการบรรจุเพื่อจำหน่ายก็ต้องเป็นมิตรกับธรรมชาติ สะอาด ดูดีสวยงาม บรรจุภัณฑ์ต้องได้มาตรฐานปลอดสารด้วย แม้จะปลูกแบบปลอดสารได้แต่หากว่าบรรจุภัณฑ์ หรือขั้นตอนการขนส่งไม่ดี ก็อาจจะเกิดการปนเปื้อน หรือทำให้แลดูไม่น่าซื้อ ก็จะทำให้ขายได้ยาก ตลาดของเราก็จะแคบลงด้วย ดังนั้นแล้วถ้าแพ็คเกจจิ้งของเราดี ตลาดตะไคร้ของเราก็จะกว้างขึ้น ด้วยความแตกต่างที่ดีกว่า ทำให้เป็นแข็งของการจำหน่าย

วิธีการปลูกตะไคร้ให้หัวใหญ่ได้น้ำหนักดี

การปลูกตะไคร้ทำได้ง่ายๆโดย เริ่มจากการไถพรวนดินเช่นเดียวกับการปลูกพืชไร่ทั่วไป จากนั้นก็ทำการยกร่อง ระยะห่างระหว่างร่องประมาณ 1 เมตร เมื่อเตรียมดินพร้อมแล้วให้นำต้นพันธุ์ตะไคร้ที่มีรากเดินสมบูรณ์ดีแล้วลงปลูก โดยใช้วิธีการปลูกแบบต้นเดี่ยว ระยะห่างระหว่างต้น 1 x 1 เมตร ทั้งนี้เกษตรกรสามารถใช้ปุ๋ยคอกรองก้นหลุมก่อนปลูกด้วยก็ได้ ส่วนวิธีทำต้นพันธุ์ให้เกิดรากก่อนปลูกนั้น มีวิธีง่าย ๆ คือ นำหัวตะไคร้มาตัดใบออกให้หมดจากนั้นนำมามัดรวมกันเป็นฟ่อนขนาดพอขนย้ายสะดวก นำไปแช่น้ำความลึกแค่พอท่วมหัวตะไคร้ จากนั้นนำไปวางไว้ในที่ร่มรำไรประมาณ 5 -7 วัน ตะไคร้ก็จะแตกรากใหม่ออกมา

สำหรับปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตะไคร้หัวใหญ่ได้น้ำหนักนั้น ขึ้นอยู่กับระยะห่างระหว่างต้นและระบบน้ำเป็นสำคัญ เพราะตะไคร้เป็นพืชที่ต้องการน้ำมาก ดังนั้นพื้นที่ปลูกจะต้องเป็นพื้นที่ที่มีระบบน้ำชลประทานเข้าถึงหรือเป็นพื้นที่ที่มีน้ำกักเก็บไว้และสามารถดึงมาใช้รดตะไคร้ได้ทั้งปี สำหรับระบบน้ำ จะใช้วิธีการสูบจากบ่อน้ำปล่อยลงแปลงตะไคร้ให้เปียกชุ่ม ประมาณสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ทั้งนี้หากเกษตรกรมีต้นทุนการผลิตสูง สามารถวางระบบน้ำหยดหรือระบบสปริงเกอร์ใน การให้น้ำด้วยก็ได้

การใส่ปุ๋ยตะไคร้ ส่วนในเรื่องปุ๋ยนั้นตะไคร้เป็นพืชที่ไม่ควรให้ปุ๋ยบ่อยจนเกินไป เพราะจะทำให้ตะไคร้แตกกอและเกิดแขนงยิบย่อยไม่เกิดหัว ดังนั้นการให้ปุ๋ยควรให้เพียง 2 ครั้งต่อ 1 รอบการปลูกก็พอ ควรใส่ปุ๋ยตะไคร้ประมาณ 2 รอบ โดยจะให้ในช่วงหลังจากปลูก 15 วัน – 1 เดือน และ รอบที่ 2 ห่างจากรอบแรก 1 เดือน สำหรับสูตรปุ๋ยที่ใช้จะเป็นปุ๋ยยูเรีย ใช้ร่วมกับฮอร์โมนบำรุงต้น หลังจากนั้นไม่ต้องทำอะไรอีก คอยดูแลเรื่องน้ำอย่างเดียว ทั้งนี้หากเกษตรกรต้องการผลิตเป็นตะไคร้อินทรีย์ก็สามารถเลือกใช้ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกแทนปุ๋ยเคมีได้ สำหรับเรื่องการใส่ปุ๋ยและขั้นตอนการปลูกนี้ ผู้ปลูกก็ต้องวางแผนมาก่อนแล้วว่าต้องการปลูกตะไตร้แบบไหน เพื่อง่ายต่อการทำการตลาด ดังที่บางกอกทูเดย์ได้นำเสนอในช่วงต้น เป้าหมายตลาดต้องชัดเจน

ผลผลิตตะไคร้ 1 ไร่ สามารถให้ผลผลิตได้สูงถึงประมาณ 4,000 กิโลกรัม โดยมีราคารับซื้อหน้าสวนอยู่ที่กิโลกรัมละ 10 บาท (ตะไคร้ในฤดู) และหากเป็นตะไคร้นอกฤดูตั้งแต่เดือนมีนา-เมษายน ราคาจะเพิ่มเป็นประมาณ 2 เท่า หรือขึ้นอยู่กับการปลูก การหีบห่อ ตลอดจนการขายด้วยว่า เราจะขายส่งหน้าสวนตะไคร้ หรือขายปลีกส่งตามร้านอาหาร หรือโรงงาน ห้างสรรพสินค้า ขึ้นอยู่กับคุณภาพ หีบห่อ ถ้าเป็นตะไคร้ปลอดสาร หีบห่อหรือแพ็คเกจจิ้งดี ตะไคร้หัวใหญ่ ก็จะสามารถทำราคาได้ดี สามารถจำหน่ายได้กว้างและไกลขึ้นไปอีก ตรงนี้ขึ้นอยู่กับวิสัยทัศน์ของเกษตรกรแล้ว

ดูแน้วโน้ม ราคา ตะไคร้ และตลาด จากประโยชน์ที่เห็นนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน
ใช้ทำเป็นเครื่องดื่มได้ เช่น น้ำตะไคร้หอม น้ำตะไคร้ใบเตย ช่วยดับร้อนแก้กระหายได้เป็นอย่างดี
ช่วยในการบำรุงและรักษาสายตา
มีส่วนช่วยในการบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง
มีส่วนช่วยในการบำรุงสมองและเพิ่มสมาธิ
สามารถนำมาใช้ทำเป็นยานวดได้
ช่วยแก้ปัญหาผมแตกปลาย (ต้น)
มีฤทธิ์เป็นยาช่วยในการนอนหลับ
การปลูกตะไคร้ร่วมกับผักชนิดอื่นๆจะช่วยป้องกันแมลงได้เป็นยังดี (ซึ่งทำให้ลดต้นทุนเรื่องการปลูกด้วย)
นำมาใช้เป็นส่วนประกอบของสารระงับกลิ่นต่างๆ ต้นตะไคร้ช่วยดับกลิ่นคาวหรือกลิ่นคาวของปลาได้เป็นอย่างดี กลิ่นหอมของตะไคร้สามารถช่วยไล่ยุงและกำจัดยุงได้เป็นอย่างดี เลยเป็นส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์จำพวกยากันยุง
สามารถนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ได้หลายชนิด เช่น เครื่องปรุงอบแห้ง ตะไคร้แห้งสำหรับชงดื่ม นำมาสกัดเป็นน้ำมันหอมระเหยเป็นต้นหรือ นำมาประกอบอาหารหลายชนิด เช่น ต้มยำ และอาหารไทยอื่นๆอีกมากมาย
สามารถใช้อุตสาหกรรมทั้งอาหารและสุขภาพได้ ทำให้แนวโน้วอนาคตน่าจะสดใส

ตะไคร้ จึงนับได้ว่าเป็นอีกพืชผักสมุนไพรไทยที่น่าสนใจ ซึ่งถ้าได้ศึกษาทดลองปลูกและทำอย่างมืออาชีพแล้ว ก็น่าจะประสบความสำเร็จได้ไม่ยาก แน่นอนว่าทุกอาชีพ ทุกงาน ล้วนมีการการแข่งขัน ยิ่งในปัจจุบันแล้วมืออาชีพในแต่ละอาชีพเท่านั้นที่จะอยู่รอด ในเมื่อราคาข้าวตกต่ำเพราะปลูกข้าวมากเกินไป ก็ลองหันมาลดพื้นที่ทำนามาปลูกตะไคร้ เพื่อลดความความเสี่ยง เพิ่มโอกาส

ขอบคุณ แฟนเพจเกษตรกรก้าวหน้า ,ภาพจากอินเตอร์เน็ต

เรียบเรียงโดย BangkokToday.net